หลายคนมักมองว่าแมวตาบอดเป็นสัตว์พิการที่ดูแลยาก และอาจเป็นภาระให้เรามากเกินไป Petloverthailand จึงได้รวบรวม 7 วิธี ดูแลแมวตาบอด จากหนังสือ Homer’s Odyssey ของ Gwen Cooper มาให้ได้อ่านกัน แล้วคุณจะรู้ว่าแมวตาบอดดูแลไม่ยากอย่างที่คุณคิด
แมวตาบอดใช้ประสาทสัมผัสอื่นๆ แทนการมองเห็นในการนำทาง
สิ่งที่คุณควรรู้เป็นอันดับแรกเลยคือ แมวตาบอดใช้ประสาทสัมผัสอื่นๆ เช่น การได้ยิน การดมกลิ่น นำทางแทนการมองเห็น
จัดบ้านใหม่ให้มีสิ่งกีดขวางน้อยที่สุด
เนื่องจากแมวตาบอดอาจจะเดินไปมาในบ้านได้ลำบาก คุณจึงควรจัดบ้านใหม่ให้มีพื้นที่โล่ง จะช่วยให้แมวเดินไปมาโดยไม่ชนสิ่งของอื่นๆ
แมวตาบอดสามารถรับรู้ได้เมื่อคุณพามันไปที่ต่างๆ
เนื่องจากแมวตาบอดจะมีประสาทสัมผัสส่วนอื่นที่ดีมาก เมื่อคุณพามันไปที่ต่างๆ มันจะรับรู้ได้อย่างดีจากสิ่งแวดล้อมรอบข้าง เช่น ที่นอน หรือที่ใส่อาหารของมัน
ของเล่นที่มีเสียงเหมาะสำหรับแมวตาบอด
แม้ว่าแมวตาบอดจะไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ก็ชอบที่จะเล่นและไล่ล่าเหมือนแมวทั่วไป มีของเล่นมากมายที่สามารถกระตุ้นการได้ยินและการได้กลิ่นของแมว ควรเป็นของเล่นที่มีเสียงเวลาเคลื่อนที่ เพื่อให้แมวตาบอดตามของเล่นได้ด้วยหู
ส่งเสียงให้แมวรู้ว่าคุณอยู่ใกล้ๆ
เวลาที่มันเดินเข้าห้อง คุณอาจต้องเริ่มส่งเสียงร้องเพลงหรือพูดกับตัวเองเบาๆ เพราะแมวตาบอดกลัวเสียงดัง เพื่อให้แมวรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน แมวจะรู้สึกปลอดภัยและผ่อนคลายขึ้นเวลาคุณส่งเสียงร้องเพลงหรือพูดเมื่ออยู่ใกล้ๆมัน วิธีนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้คุณทำแมวตกใจเวลาที่คุณอยากลูบหัวมัน การทำให้แมวรู้ว่าคุณอยู่ใกล้ๆ จะทำให้มันไม่ตกใจกับสัมผัสของมือบนหลังของมัน
พฤติกรรมก้าวร้าวของแมวตาบอด
เนื่องจากแมวตาบอดได้สูญเสียประสาทการมองเห็นที่ใช้แยกแยะว่าสิ่งของหรือคนเป็นอันตรายหรือไม่ มันจึงหวาดกลัวสิ่งต่างๆมากกว่าแมวปกติ จึงทำให้แมวตาบอดอาจมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว คุณควรทำให้มันรู้สึกปลอดภัย โดยการพูดคุยกับมันบ่อยๆ เพื่อให้มันรู้ว่าคุณอยู่ใกล้ๆ และรู้สึกปลอดภัย
อย่าปล่อยให้แมวตาบอดอยู่นอกบ้านเพียงลำพัง
เวลาที่แมวอยากออกไปนอกบ้าน คุณควรพยายามกันแมวให้อยู่ในสวนแบบปิด วิธีนี้จะช่วยลดโอกาสที่แมวจะบาดเจ็บหรือหายไป หรือลองซื้อเสื้อรัดอกและสายจูงเพื่อป้องกันไม่ให้แมวเดินไปเจออันตรายก็ได้นะ
แมวตาบอดอาจจะดูแลยากสักหน่อย แต่ถ้าเลี้ยงด้วยความรัก ความเข้าใจ คุณก็สามารถอยู่ร่วมกับแมวตาบอดได้อย่างมีความสุข
ที่มา catster